ชุดสืบสวนสภ.บ่อวิน รวบแล้วคนร้ายกระชากสร้อย2บาท จากเจ้าของร้านทองดัง เผยใช้เวลาแค่3ชม. ตามจับตัวได้ สารภาพตกงานไม่มีเงินเมื่อเวลา 16.00 น. (11ก.ค.60) พ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วยพ.ต.อ.กรพัฒน์ หอมหวล ผกก.สภ.บ่อวิน และ ร.ต.อ.ณัฐพงษ์ เหมือนพันธ์ รองสารวัตรเวร(สอบสวน)ได้นำตัวนายสรศักดิ์ สีหา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่8 ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลยไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้างทองทองใบเลขที่271/124-125 หมู่6 ต.บ่อวินอ.ศรีราชา หลังจากที่ได้ทำทีขอดูสร้อยคอทองคำหนัก2บาทในร้านทองเจ้าของร้านเผลอกระชากวิ่งหนีขี่จยย.หลบหนีลอยนวล เมื่อช่วงเวลา 09.50น. ของวันนี้ ซึ่งเมื่อทางตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ที่อำเภอปลวกแดง
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริง โดยหลังจากเกิดเหตุคนร้ายทำทีขอดูสร้อยคอทองคำหนัก2บาทในร้านทองดังบ่อวินเจ้าของร้านเผลอกระชากวิ่งหนีขี่จยย.หลบหนี นั้นทางพ.ต.อ.กรพัฒน์ หอมหวลผกก.สภ.บ่อวินได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสภ.บ่อวินนำโดยพ.ต.ท.สุรเดช นามโยธา สว.(สืบสวน) สภ.บ่อวิน พร้อมชุดสืบสวนได้ออกตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามรายทางจนพบว่าทะเบียนรถและหมวดจังหวัดตรงกันคือ รถจยย.ยามาฮ่าฟีโน่สีขาว-ดำ หมายเลขทะเบียน 1กน-4777 ระยอง ผู้ถือกรรมสิทธิ์คือบริษัท กรุ๊ปลิส จำกัด โดยผู้ที่เป็นเจ้าของรถคือนายสรศักดิ์ สีหา อายุ24ปี จึงได้ไปปริ้นสำเนาบัตรประชาชนของนายสรศักดิ์มาให้นายโยธิน ประวิทวงศ์ ลูกชายเจ้าของร้านทองซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดูก็พบว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริงจึงได้ออกหมายจับศาลจังหวัดพัทยาเลขที่ จ.308/2560 และทางตำรวจชุดสืบสวนจึงตรวจสอบไปที่บริษัทกรุ๊ปลิสก็พบว่าคนร้ายพักอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านโป่งสะเก็ด หมู่3ต.บ่อวิน อ.ศรีราชาจึงนำกำลังชุดสืบสวนออกไปติดตามตัว
จนกระทั่งเวลา 12.30 น. ก็พบคนร้ายที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ริมถนนสายบ้านโป่งสะเก็ด หม่3ต.บ่อวินเมื่อตำรวจแสดงตัวจับกุมก็ได้ให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทไปจริง โดยทองที่ได้นำไปจำนำที่ร้านทองแถวบ้านสะพานสี่ เขตปลวกแดง จำนวน 35,000 บาท และนำเงินไปใช้หนี้เพื่อน 3,000 บาท ซื้อตู้เย็น 1 เครื่องราคา 5,800 บาท และนำไปซื้อสุรามาไว้ดื่มจำนวนหนึ่ง โดยทางตำรวจพบเงินเหลืออยู่ 22,000 บาท โดยให้การว่าตกงาน ไม่มีเงิน จะหาเงินไปสมัครงานจึงขี่รถจยย.มาดูลาดเลาพบว่าร้านดังกล่าวไม่มีระบบป้องกันที่ดีจึงลงมือก่อเหตุ แล้วหลบหนีนำทอง2บาทไปจำนำดังกล่าว ทางตำรวจจึงควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมและรายงานผู้บังคับบัญชาซึ่งการทำงานของตำรวจในครั้งใช้เวลาเพียง3ชม.ก็จับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้ จนนำไปสู่การทำแผนประกอบคำรับสารภาพดังกล่าว โดยทางตำรวจแจ้งข้อหานายสรศักดิ์ว่าชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการพาทรัพย์หลบหนี หลังจากนั้นนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยทางพ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เตือนผู้ประกอบการร้านทองในพื้นที่บ่อวินและแห่งอื่นๆว่าควรมีระบบป้องกันที่ดีและกล้องวงจรปิดควรติดตั้งอย่างน้อย8-10ตัวและควรติดตั้งประตูอัตโนมัติไว้ที่หน้าร้านก็จะเป็นการป้องกันที่ดีไม่ให้คนร้ายลงมือก่อเหตุได้ ซึ่งนับได้ว่าทางชุดสืบสวนสภ.บ่อวินติดตามรถจยย.ของคนร้ายตามกล้องวงจรปิดตามรายทางจนพบครบทั้งเลขทะเบียนและหมวดจังหวัดจึงใช้เวลาแค่3ชม.จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุนี้ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
กรุงเทพธุรกิจ