รู้หรือไม่ว่า กว่าจะมาเป็น "มะพร้าวแก้ว เกรด A" มันยากขนาดไหนนะ??ตามที่ได้ตั้งหัวข้อเลยค่ะว่า แอดมินไก่น้อยลองทำ "มะพร้าวแก้ว" มาด้วย ซึ่งเป็นของฝากจากอำเภอเชียงคาน ที่ขึ้นชื่อมากๆ เนื่องจาก มะพร้าวแก้ว เกรด A นั้น หอมและนุ่มมากกกกก และถือว่าเป็นอีกอย่างที่แอดมินชอบทานมากๆด้วยค่ะ
ก่อนอื่นแอดมินได้สอบถามวิธีการทำคร่าวๆก่อนที่จะลงมือทำจากคุณพ่อก่อน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
1. เตรียมวัตถุดิบ/อุปกรณ์
2. ผ่ามะพร้าว
3. แคะออกจากกะลา
4. ลอกเปลือกที่ติดกับเนื้อมะพร้าว
5. สไลด์เนื้อมะพร้าว แยกเกรด
6. ล้างด้วยน้ำสะอาด (แช่น้ำเกลือ)
7. ต้มเนื้อมะพร้าว ประมาณ 40 นาที
8. คั่วแห้งพร้อมรับประทาน
9. ใส่เครื่องปั่นน้ำตาลออก
10. บรรจุใส่หีบห่อ เพื่อจำหน่าย
เมื่อรู้วิธีการทำแล้ว เรามาลงมือทำกันเลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 เตรียมวัตถุดิบ/อุปกรณ์ขั้นตอนนี้ จะเป็นการเตรียมมะพร้าว และอุปกรณ์ต่างๆค่ะ ซึ่งแต่ละวันนั้นมีมะพร้าวมาลงจำนวนที่ไม่เท่ากัน บางวันมีถึง 1,000 ลูกกันเลยทีเดียว (ขั้นตอนนี้แอดมินไม่ได้ทำนะคะ เนื่องจากคุณพ่อปลอกไว้หมดแล้ว)
ขั้นตอนที่ 2 ผ่ามะพร้าวเมื่อผ่ามะพร้าวแล้ว จะทำการแยกเนื้อและน้ำค่ะ น้ำจะนำไปใช้ประโยชน์ต่อ ด้วยการส่งโรงงาน ส่วนเนื้อนั้นก็จะนำไปแคะออกในขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 3 แคะเนื้อมะพร้าวออกจากกะลาในส่วนของขั้นตอนนี้ เราจะใช้มีดแคะแล้วนำไม้คล้ายๆไม้พายเพื่อมาแคะออกจากกะลาค่ะ หากเป็นมะพร้าวที่เนื้อแข็งๆหน่อย ก็จะแคะออกยากมากๆเลยค่ะ ใช้แรงเยอะพอสมควร แต่หากเป็นเนื้อนุ่มๆ อ่อนๆ ก็จะง่ายและสะดวกขึ้น
ขั้นตอนที่ 4 ลอกเปลือกที่ติดกับเนื้อมะพร้าว(แต่งเนื้อมะพร้าว)ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่า เป็นการตกแต่งเนื้อมะพร้าวให้สวยขึ้นค่ะ เราจะใช้มีดปลอก ลักษณะคล้ายกับมีด 2 คม เราจะแต่งในส่วนของเนื้อมะพร้าวที่มีเปลือกสีน้ำตาลติดมาด้วย ให้ขาวสะอาด ถ้าเปรียบกับผู้หญิงก็คือ การนำมาขัดสีฉวีวรรณให้สวยนั่นเองค่ะ
ขั้นตอนที่ 5 สไลด์เนื้อมะพร้าวเพื่อแยกเกรดจะบอกว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้ความชำนาญและความเชี่ยวชาญนะคะ เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่พิจารณาความหนา บาง ของเนื้อมะพร้าวเพื่อแยกเกรด A และ เกรด B นั่นเองค่ะ ขั้นตอนนี้ แอดมินขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ดีกว่า เพราะไม่มีความชำนาญในส่วนนี้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 6 ล้างด้วยน้ำสะอาดเมื่อทำการแยกเกรดแล้ว จะน้ำมาแช่น้ำเกลือ พร้อมกับล้างให้สะอาดค่ะ ขอบอกว่า เนื้อมะพร้าว ขาว นวล น่าทานมากกก
ขั้นตอนที่ 7 ต้มเนื้อมะพร้าวหลังจากนั้นเป็นการนำเนื้อมะพร้าวที่แยกเกรดแล้วนะคะ ไปต้มกับน้ำตาล จนกว่าเนื้อมะพร้าวจะใส หรือใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีค่ะ หลังจากนั้นจะพักเนื้อมะพร้าวเก็บไว้ในตู้แช่ค่ะ
ขั้นตอนที่ 8 คั่วให้แห้งเมื่อพักเนื้อมะพร้าวแล้ว ก็นำมาคั่ว ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ทรหดมากกก และต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการคั่วมะพร้าวแก้วด้วยนะคะ เนื่องจากไอร้อนจากเตาไฟ และเราไม่สามารถห่างจากเตาได้เลยค่ะ เผลอเป็นไม่ได้ เนื้อมะพร้าวแก้วจะไหม้ทันที (แอดมินเผลอทำมะพร้าวไหม้ด้วย 555555) ระหว่างคั่วนั้นก็จะตักน้ำเชื่อมออกด้วย เพื่อนำไปทำกากน้ำตาลต่อไปค่ะ
ขั้นตอนที่ 9 ใส่เครื่องปั่นน้ำตาลออกคุณแม่เล่าว่า แต่เดิมนั้น ในการปั่นน้ำตาลออก แม่ใช้ระบบอัตโนมือค่ะ คือปั่นด้วยตระกร้า ด้วยแรงงานคนนั่นเอง แต่ด้วยการผลิตที่เยอะขึ้น จึงได้พัฒนามาเป็นเครื่องปั่นน้ำตาลแทน ถือว่าทุ่นแรงมากๆเลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 10 และแล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือการบรรจุหีบห่อเพื่อความสวยงามก็นำมาบรรจุหีบห่อ พร้อมโลโก้สวยๆค่ะ พร้อมส่งออกให้ลูกค้าได้ทานกันแล้วค่ะ ^_^
การทำมะพร้าวแก้วนั้นค่อนข้างที่จะใช้เวลาและวัตถุดิบเยอะพอสมควรค่ะ หากจะนำ มะพร้าวแก้วเกรด A ไปขายที่กิโลกรัมละ 200-300 บาทนั้น แอดมินขอบอกได้เลยว่า ไม่แพงเลยค่ะ ต้นทุนสูงอยู่แล้วบวกกับขั้นตอนการผลิตที่ยากลำบากและใช้แล้วนั้น 200-300 บาท นี้คุ้มค่ามากๆเลยค่ะ
มะพร้าวแก้ว จะเก็บได้ที่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากไม่ใส่วัตถุกันเสีย หากจะนำออกไปต่างประเทศ หรือไปฝากที่ไกลๆ ก็สามารถสั่งหรือรอล็อตใหม่ได้เลยค่ะ
นอกจากจะมีมะพร้าวแก้วแล้ว ทางร้านยังมีของฝากอื่นๆอีกด้วย เช่น กล้วยอบเนย กล้วยเบรกแตก มันทอด เผือกทอด ฯลฯ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบพระคุณ คุณพ่อและคุณแม่ ที่เอื้ออำนวยสถานที่ ร้าน น้องแก้วตามะพร้าวแก้ว พร้อมกับสาธิตวิธี แนะนำการทำมะพร้าวแก้วเกรด A ให้กับทีมงานโกทูเลยของเรา และที่สำคัญได้ของฝากติดไม้ติดมือกันมาด้วย น่ารักและใจดีมากๆเลยค่ะ ทางทีมงานต้องขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้ค่ะ
สนใจมะพร้าวแก้ว หอมๆสุดอร่อย เพื่อเป็นของฝากจากเชียงคานสามารถไปได้ที่ ร้านน้องแก้วตามะพร้าวแก้ว (บริเวณทางเข้าแก่งคุดคู้)
FacebookFanpage :
ร้านน้องแก้วตามะพร้าวแก้วหรือติดต่อได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 089-276 5727 , 090-353 5189